แนะนำหมวกกันน็อคไฮเทค Skully AR 1 และ CrossHelmet X1 Smart Helmet  อันล้ำสมัย

แนะนำหมวกกันน็อคไฮเทค Skully AR 1 และ CrossHelmet X1 Smart Helmet อันล้ำสมัย

TRAINING

หมวกกันน็อคในปัจจุบันนี้ มีมากมายหลากหลายรูปแบบ อีกทั้งยังมีราคาแตกต่างกันออกไป สำหรับในวันนี้เราจะมาแนะนำ หมวกกันน็อคไฮเทค 2 รุ่น 2 ยี่ห้อ ซึ่งมีความสนใจ น่าซื้อมาสวมใส่ เหมาะกับคนรักการซิ่งอย่างแท้จริง

Skully AR 1

Skully AR-1 หมวกกันน็อกสุดไฮเทค ที่มาพร้อมฟังก์ชั่นการทำงาน รวมทั้งเทคโนโลยีอันแสนล้ำสมัย เหมาะสำหรับผู้รักการขับขี่มอเตอร์ไซค์และต้องการความปลอดภัยไปพร้อมกัน โดย หมวกกันน็อก ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยอันสำคัญ ที่ผู้ใช้มอเตอร์ไซค์ก็จำเป็นต้องให้ความสำคัญด้วย นอกเหนือไปจากมาตรฐานของกันน็อกแล้ว ‘เทคโนโลยี’ ก็จะเป็นสิ่งที่ช่วยให้ผู้ขับขี่มีความปลอดภัยบนท้องถนนขึ้นได้ สำหรับในวันนี้เรามีหมวกกันน็อกอัจฉริยะ ซึ่งได้รับการยกย่องกันว่าอาจเป็นหมวกกันน็อกมอเตอร์ไซค์ที่ฉลาดล้ำมากเป็นอันดับต้นๆของโลกกับ Skully AR 1

Skully AR มาพร้อมกับงานออกแบบที่มีความสวยงาม ดูโฉบเฉี่ยวทันสมัย อย่างกับถอดแบบมาจากภาพยนตร์ Si – Fi และในส่วนของเทคโนโลยีก็น่าสนใจ กล้องที่ติดมากับหมวกสามารถแสดงภาพรถที่ตามมาด้านหลังได้ถึง 180 องศา ซึ่งจะปรากฏจอเล็กๆ บริเวณมุมซ้ายบนของหน้ากากมองทาง พร้อมแสดงแผนที่ด้วยระบบ GPS เข้าไป แต่รับรองว่าไม่รบกวนผู้ขับขี่แต่อย่างใด นอกจากนี้ที่บังแดด ซึ่งสามารถเปิด-ปิดได้จากบริเวณด้านข้าง ควบคุมการทำงานด้วยเสียง และยังทำงานร่วมกับ Smart Phone เพื่อรับสายโทรศัพท์และฟังเพลงได้อีกด้วย ในเรื่องของความปลอดภัย Skully AR ก็ได้รับการรับรองมาตรฐานจาก DOT กับ ECE วัสดุนำมาใช้ทำก็มีน้ำหนักเบา สามารถป้องกันรอยขีดข่วนได้อย่างดีเยี่ยม

ราคา 48,900 บาท

CrossHelmet X1 Smart Helmet 

CrossHelmet X1 Smart Helmet อีกหนึ่งหมวกกันน็อกสุดไฮเทค ได้รับความนิยมจากผู้ขับขี่มอเตอร์ไซต์จำนวนมาก โดยคุณสมบัติพิเศษซึ่งทำให้หลายๆคนชอบ นั่นก็คือ Sound Control ที่ผู้ขับขี่สามารถควบคุมระดับความดังของเสียง ซึ่งเกิดในในหมวกได้ ไม่ว่าจะเป็นเสียงพูดคุย หรือเสียงจากภายนอก ทำให้ผู้ขับขี่ใช้งานได้อย่างไม่ต้องรำคาญเรื่องเสียงรบกวน นอกจากนี้การออกแบบหมวกกันน็อค มีการเน้นชิลด์หน้าขนาดใหญ่ เพื่อให้ทัศน์วิสัยอย่างกว้างที่สุด

คุณสมบัติพิเศษของ CrossHelmet X1 Smart Helmet 

  • กล้องหลังมองเห็นภาพเคลื่อนไหวได้ถึง 180 องศา พร้อมแสดงผลแบบ Real Time
  • ระบบตัดเสียง หรือควบคุมเสียงจากภายนอก โดยผู้ขับขี่เลือกได้เองว่าอยากฟังเสียงอะไร
  • เชื่อมต่อกับ Smart Phone เพื่อฟังเพลง หรือพูดคุยกับเพื่อนๆร่วมทริปได้อย่างสบายๆ
  • ผู้สวมใส่ สามารถมองเห็นได้ 360 องศา เมื่อมองรวมจากกล้องหลังแล้ว

ราคา 46,700 บาท

ทำความรู้จักชุดนิรภัยสำหรับมอเตอร์ไซต์

ทำความรู้จักชุดนิรภัยสำหรับมอเตอร์ไซต์

post

ชุดนิรภัยมอเตอร์ไซต์

สำหรับการขับขี่มอเตอร์ไซค์นั้น นับเป็นเรื่องสนุก หากแต่คุณผู้รักในการขับขี่ทั้งหลาย ก็อย่าลืมว่าอุบัติเหตุบนท้องถนนสามารถเกิดขึ้นได้เสมอ มีคำพูดเปรียบเปรยว่า การขับขี่มอเตอร์ไซค์ก็เปรียบได้กับหนังหุ้มเหล็ก เมื่อเกิดเหตุไม่คาดคิด ผู้ขับขี่ก็จะเป็นผู้มีความเสี่ยงมากที่สุด เพราะฉะนั้นผู้รักการขับขี่มอเตอร์ไซต์ ก็ควรหันมาใส่ใจในอุปกรณ์นิรภัยในการขับขี่มอเตอร์ไซค์ เพื่อความปลอดภัยในชีวิต

ชุดนิรภัยสำหรับมอเตอร์ไซต์ ที่คนรักการซิ่งจำเป็นต้องมี
หมวกกันน็อค

อุปกรณ์นิรภัยชิ้นแรกที่มีความสำคัญ คือ หมวกนิรภัย ซึ่งช่วยในเรื่องของการป้องกันศีรษะ ไม่ให้ได้รับความกระทบกระเทือนเมื่อเกิดอุบัติเหตุ เมื่อคุณจะเลือกซื้อหมวกกันน็อค ควรมองหาสัญลักษณ์ แสดงถึงความปลอดภัย ถ้าเป็นหมวกกันน็อคซึ่งผลิตมาจากสหรัฐอเมริกาหรือยุโรป ให้คุณสังเกตตรา DOT แต่ถ้าหมวกกันน็อคในญี่ปุ่นจะต้องสังเกตตรา JIS  และหลักการเลือกที่ต้องคำนึงถึงในข้อต่อมา คือ การสวมใส่สบาย เมื่อลองสวมแล้วต้องไม่บีบรัดหน้าผากหรือใบหูของคุณจนเกินไป และต้องมีความกระชับกับศีรษะ เพื่อให้ความปลอดภัยอย่างเต็มที่

เสื้อเกราะ

เสื้อเกราะอ่อนที่นำมาใส่ตอนขับขี่มอเตอร์ไซต์ แบ่งได้เป็น 2 แบบ คือ เสื้อเกราะอ่อนทำจากหนัง ซึ่งมีคุณสมบัติลู่ไปตามลม มีความทนทาน และมีราคาสูง ซึ่งคนไทยส่วนใหญ่ไม่นิยมสวมใส่กันสักเท่าไหร่นัก เพราะหนังจะทำให้เกิดความร้อนสูง ส่วนเสื้อเกราะอ่อนอีกแบบ คือ เสื้อเกราะผ้า ซึ่งมีการ์ดป้องกัน หัวไหล่ , ศอก , หลัง เพื่อไม่ให้ผู้ขับขี่มอเตอร์ไซค์ได้รับบาดเจ็บเมื่อเจอกับอุบัติเหตุอันไม่คาดฝัน โดยเสื้อเกราะอ่อนแบบ มีความเหมาะสมสำหรับเมืองร้อน วิธีการเลือก คือ เสื้อจะต้องกระชับกับร่างกาย ไม่ใหญ่หรือเล็กจนเกินไป

ถุงมือ

มีหน้าที่ช่วยป้องกันมือของผู้ขับขี่ไม่ให้เกิดแรงกระแทกยามมอเตอร์ไซค์ล้ม สามารถแบ่งได้เป็น 2 แบบ คือแบบถุงมือยาว กับแบบสั้น โดยการเลือกถุงมือควรเลือกให้มีความกระชับไม่รัด หรือหลวมเกินไป

รองเท้า

รองเท้าสามารถแบ่งได้เป็น 2 แบบ ได้แก่ แบบบูทยาวและแบบหุ้มส้น สำหรับบูทยาวใช้ในสนามแข่งที่มีความเร็วสูง แต่ไม่เหมาะกับชีวิตประจำวันสักเท่าไหร่นัก แต่แบบหุ้มส้น จะเหมาะกับการขับขี่ไปเที่ยว สำหรับเคล็ดลับการเลือกให้หารองเท้าขนาดพอเหมาะ ไม่คับจนเกินไป ที่สำคัญ คือ ไม่ควรเลือกรองเท้าที่หลวมเพราะจะทำให้เกิดอันตรายในตอนแตะเบรกหรือเปลี่ยนเกียร์ โดยวัสดุต้องกันน้ำได้ดี และระบายอากาศได้อย่างโล่งโปร่งสบาย

โดยอุปกรณ์ทั้ง 4 อย่างนี้ คือ อุปกรณ์นิรภัย ที่สิงห์นักบิดทั้งหลายควรมีไว้ในครอบครอง เพื่อความปลอดภัยในชีวิต

ส่องความปลอดภัยของระบบ Safety อาชีพนักดับเพลิง

ส่องความปลอดภัยของระบบ Safety อาชีพนักดับเพลิง

post
นักดับเพลิง
Firefighter

อาชีพ ‘นักดับเพลิง’ จัดเป็นอีกอาชีพหนึ่งอันมีความสำคัญ โดยเป็นอาชีพที่จำต้องเสียสละตนเองอย่างมาก เพื่อคุ้มภัยให้ประชาชนรอดพ้นปลอดภัยจากอันตรายร้ายแรงซึ่งเกิดจากเพลิงไหม้ ซึ่งอาชีพจัดเป็นอาชีพที่มีความเสี่ยงสูงเป็นอันดับต้นๆ เพราะเมื่อที่ไหร่ก็ตามที่เกิดเพลิงไหม้ จะต้องมีนักดับเพลิงเข้าไปจัดการพร้อมดูแลสถานที่เกิดเหตุอย่างทันท่วงที นอกจากนี้เหตุร้ายไม่เลือกเวลาเกิด ไม่ว่าจะเป็นตอนเช้าตรู่ หรือ กลางคืนดึกดื่นแค่ไหน พวกเขาก็จะต้องมีความพร้อมออกไปทำงานตลอดทั้งวันและทั้งคืน เพื่อรอรับเหตุการณ์ต่างๆอันไม่คาดฝัน

ด้วยความเสี่ยง อุปกรณ์จึงต้องมีครบ

ชีวิตของ ‘นักดับเพลิง’ ก็มีความสำคัญไม่แตกต่างจากชีวิตของบุคคลอื่นๆ ถึงแม้พวกเขาจะเสียสละตนเองในการทำอาชีพอันแสนยิ่งใหญ่นี้ แต่ชีวิตของพวกเขาก็ต้องได้รับการปกป้องเช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้นวันนี้เรามาดูกันดีกว่าว่า ระบบ Safety ของนักดับเพลิงมีอะไรบ้าง

  1. หมวกกันไฟ

หมวกจัดเป็นอุปกรณ์ที่มีความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ  ช่วยปกป้องผู้สวมจากควันและไฟ เพื่อการคล่องตัวจึงออกแบบมาให้มีน้ำหนักเบา หากแต่สามารถซึมซับแรงกระแทกได้ดี สีหมวกแบ่งตามลำดับของผู้สวม หากแต่ส่วนใหญ่แล้วจะมีสีส้ม และสีเหลือง เป็นสีโดดเด่นมองเห็นได้ชัดเจน ตามกฎแล้วหมวกนี้จะต้องเปลี่ยนทุก 5 ปี เนื่องจากฉนวนจะหมดอายุและไม่อาจป้องกันไฟได้อีก

ราคาใบล่ะ 10,000 บาท

  1. ฮู้ดกันไฟ

สำหรับฮู้ดจะช่วยป้องกันไฟอีกชั้น ก่อนคุณสวมหมวกทับลงไป เพื่อป้องกันส่วนลำคอ ซึ่งเปลวเพลิงอาจทำอันตรายได้ และแน่นอนว่าต้องทำจากวัสดุกันไฟคุณภาพสูง

ราคา 2,000 บาท

  1. ชุดคลุมกันไฟ

ชุดตั้งแต่เสื้อไปยันกางเกงของนักดับเพลิง สร้างจากวัสดุสังเคราะห์ โดยมีคุณสมบัติพิเศษ คือ ทนทานต่ออุณหภูมิได้สูง อีกทั้งยังมาพร้อมคุณสมบัติกันไฟได้อีกด้วย บริเวณชุดมาพร้อมแถบเรืองแสงเพื่อให้พบเห็นได้ง่ายระหว่างการทำงานในสถานที่ปิดทึบ หรือ มีความมืด นอกจากนี้คุณสมบัติพิเศษต่อมา คือไม่ทำให้ผู้สวมใส่รู้สึกหนักจนเกินไป

ราคา 42,900 บาท

  1. รองเท้าบู๊ต

รองเท้าบู๊ตที่จะพานักผจญเพลิงเยื้องย่างเข้าไปในดงอันตรายพร้อมกลับมาอย่างปลอดภัย ซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อให้ผู้สวมใส่มีความปลอดภัย รวมทั้งสร้างความสะดวกสบายในระดับสูงสุด วัสดุหลักทำจากยางช่วยลดน้ำหนักให้เกิดความคล่องตัวได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังมาพร้อมประสิทธิภาพช่วยป้องกันไฟสูง มีการเสริมเพื่อปกป้องในส่วนข้อเท้าแบบครอบคลุม

  1. ถุงมือกันไฟ

นักดับเพลิงมีถุงมือที่ใช้ในการปฎิบัติงานหลายชนิด มีจุดประสงค์หลักในการป้องกันอันตรายจากไฟ ในสถานการณ์อันแตกต่างกัน ยกตัวอย่างเช่น ถุงมือผ่าตัดใช้ปกป้องนักดับเพลิงจากอันตรายทางชีวภาพ , ถุงมือป้องกันสารเคมี , ถุงมือกันความร้อนทั่วไป และอื่นๆ โดยในการปฎิบัติงานจริงไม่มีถุงมือคู่ใด เพียงคู่เดียว ที่จะให้การป้องกันอย่างเพียงพอจากอันตรายที่แตกต่างกัน เพราะฉะนั้นจึงต้องเลือกใช้ถุงมือให้ถูกต้องด้วย

ราคา 3,500 บาท

  1. เครื่องช่วยหายใจ

เมื่อเกิดเหตุเพลิงไหม้ภายในสถานที่ปิด ภายในจะอัดแน่นเต็มไปด้วยควัน , ไฟ จนกระทั่งทำให้ขาดออกซิเจน อีกทั้งยังเต็มไปด้วยสารพิษต่างๆมากมาย โดยเครื่องช่วยหายใจก็จะกลายเป็นแหล่งอากาศสะอาด ซึ่งทำให้ผู้ปฎิบัติงานได้หายในเมื่ออยู่ข้างในอาคารนั้น

ราคา 200,000 บาท

สำหรับผู้ที่ต้องการประกอบอาชีพเป็นนักดับเพลิง จะเรียนจบจากสายไหนก็ได้ หากแต่คุณสมบัติที่ต้องก็คือสุขภาพที่แข็งแรง รวมทั้งร่างกายจะต้องพร้อมรับกับทุกสถานการณ์อย่างไม่หวั่นเกรงใดๆนั่นเอง ก่อนที่คุณจะได้เข้ามาเป็น นักผจญเพลิงเต็มตัว จำเป็นต้องเข้ารับการอบรมเป็นพนักงานป้องกัน รวมทั้งบรรเทาสาธารณภัยเสียก่อน หลังจากนั้นเข้ามาทำงานให้กับหน่วยงานราชการแล้วไต่เต้าเป็นลำดับต่อไป

ความปลอดภัยทางน้ำที่ไม่ควรมองข้าม

ความปลอดภัยทางน้ำที่ไม่ควรมองข้าม

post
ความปลอดภัยทางน้ำที่ไม่ควรมองข้าม
Water safety

การทำงานทางน้ำ จัดเป็นการทำงานอีกทางหนึ่งซึ่งต้องใส่ใจรวมทั้งดูแลรักษาความปลอดภัยในระดับสูง เพราะอาจเกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝันได้ทุกเมื่อ อย่างไรก็ตามถึงแม้ตามหลักธรรมชาติแล้ว ร่างกายของมนุษย์สามารถลอยน้ำได้ ถ้าในปอดมีอากาศอยู่พอสมควร หากแต่สาเหตุที่มนุษย์จมน้ำเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก เนื่องจากความตกใจไม่มีสติ พยายามดิ้นรนเอาชีวิตรอด พยายามดันตัวเองให้ลอยอยู่บริเวณผิวน้ำ หากแต่การกระทำเช่นนี้ยิ่งส่งผลตรงกันข้าม เพราะไม่นานก็จะหมดแรงทำให้จมน้ำเสียชีวิตในที่สุด

วิธีเอาตัวรอดจากการจมน้ำที่ทุกคนต้องกระทำ

  • อันดับแรกต้องตั้งสติ พร้อมลอยตัวอยู่ในน้ำให้นิ่งสุด ใช้กำลังกายให้น้อยสุด แต่ใช้กำลังใจให้มาก คุณจะได้ไม่เหนื่อย จนหมดแรงไปเสียก่อน ให้พยายามหายใจนำอากาศเข้าไปในปอด เพราะปอดก็จะเป็นเหมือนชูชีพที่อยู่ภายในร่างกาย
  • กรณีไม่อาจว่ายน้ำเข้าฝั่งได้ ต้องตั้งสติให้มั่น ควบคุมใจตัวเอง พยายามถอดเปลื้องเสื้อผ้าหรือเครื่องประดับหนักๆ ออกไป เนื่องจากจะช่วยทำให้คุณจมเร็วขึ้น หากแต่ถ้าคุณใส่รองเท้าแตะที่ทำมาจากโฟม ให้ใส่ไว้เพราะสิ่งนี้จะช่วยพยุงตัวคุณได้ดีขึ้น
  • บังคับให้ตัวเองอยู่ในท่านอนหงาย โดยให้ใบหน้าโผล่พ้นน้ำไว้ ปล่อยตัวสบายๆ อย่าเกร็งส่วนหนึ่งส่วนใดเด็ดขาด พยายามหายใจเอาอากาศเข้าปอดลึกๆ หลังจากนั้นถีบขาท่ากบ รวมทั้งใช้มือกวักน้ำเบาๆ ก็จะช่วยให้คุณลอยตัวอยู่ในน้ำอีกทั้งยังสามารถเคลื่อนที่ไปได้ในแบบช้าๆ

การป้องกันอุบัติภัยทางน้ำ สามารถทำได้ด้วย

  • สำรวจบริเวณบ้านและสถานที่ทำงานของคุณว่ามีจุดเสี่ยงอันใดเกิดมาจากความเสื่อมสภาพหรือไม่ เช่น คู , รางระบายน้ำ , บ่อน้ำ รวมทั้งอื่นๆ
  • หาทางแก้ไขป้องกันอุบัติเหตุจากทางน้ำ เช่น หาป้ายมาติดในส่วนเป็นอันตราย , ทำรั้วรอบ เป็นต้น
  • อย่าคิดว่าน้ำไม่สูงแล้ว เด็กจะเสียชีวิตจากการจมน้ำไม่ได้ เพราะเพียงแค่ศีรษะศีรษะคว่ำหน้าลงไปในน้ำเป็นเวลาไม่กี่นาทีเท่านั้น ก็สามารถจมน้ำเสียชีวิตได้แล้ว
  • ผู้ใหญ่เองก็ต้องระวัง ในการเกิดตะคริวต่างๆเมื่ออยู่ในน้ำ
  • สำหรับผู้มีโรคลมชัก หรือลมบ้าหมู อย่าอยู่ใกล้แหล่งน้ำ อีกทั้งไม่ควรลงเล่นน้ำ
  • ไม่ควรลงเล่นน้ำเป็นเวลา 1 ชั่วโมง หลังจากพึ่งรับประทานอาหารไป
  • ห้ามดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ระหว่างว่ายน้ำ หรืออยู่บนเรือ ถึงแม้จะดื่มเท่าไหร่ก็ไม่ควรลงน้ำเด็ดขาด !
  • ถ้าคุณพยายามว่ายไปหาเรือที่จอดอยู่ ต้องมีความระมัดระวังให้มาก เนื่องจากเรือที่จอดอยู่ หรือการมองอะไรไปฝั่งตรงข้าม ความจริงแล้วจะอยู่ไกลกว่าตามองเห็นเสมอ จากใกล้อาจไกลกว่าที่คิด โดยเฉพาะในน้ำเย็น จะยิ่งทำทำให้เหนื่อยล้าง่ายขึ้น เพราะร่างกายสูญเสียความร้อนที่ควรจะมีไป
  • ถ้าคุณลงว่ายน้ำในทะเล ขอแนะนำว่าควรว่ายขนานไปกับฝั่งจะปลอดภัยกว่าว่ายไปไกลออกจากฝั่ง นอกจากนี้ขณะว่ายก็พยายามมองหาฝั่งเป็นระยะๆ เนื่องจากบางครั้งคุณอาจถูกความแรงของน้ำพัดออกนอกฝั่งได้แบบไม่รู้ตัว
  • สำหรับผู้ทำงานทางน้ำ หรือ มีเหตุต้องเดินทางทางน้ำ แนะนำว่ารอให้เรือจอดเทียบท่าให้สมบูรณ์เสียก่อน จึงค่อยก้าวขึ้น-ลง
  • ผู้ที่ทำงานอยู่บนเรือต้องตรวจสอบชูชีพทุกครั้ง ว่ามีความสมบูรณ์และเพียงพอต่อผู้ใช้บริการไหม

สุดท้ายคือ อย่าลืมหัดว่ายน้ำให้แข็ง เป็นในหลายๆท่า เพื่อนำมาประยุกต์ใช้ในยามเกิดสถานการณ์จริง ยิ่งผู้ที่คิดฝันอยากทำงานที่เกี่ยวข้องกับน้ำ จะต้องว่ายน้ำให้เป็น รวมทั้งต้องมีความเข้าใจกับการเอาตัวรอด การป้องเหตุทางน้ำได้เป็นอย่างดี จึงจะทำงานได้อย่างมีความปลอดภัยมากที่สุด

หลักความปลอดภัยบนเรือที่ต้องทำตาม

หลักความปลอดภัยบนเรือที่ต้องทำตาม

post

ความปลอดภัยทางเรือ

อุบัติเหตุเป็นเรื่องไม่มีใครอยากให้เกิด สำหรับอุบัติเหตุในการทำงานส่วนใหญ่เกิดมาจากความผิดพลาดในการทำงานของมนุษย์ ซึ่งความจริงแล้วการลดอุบัติเหตุกับการทำงานนั้น เป็นเรื่องสำคัญมีการรณรงค์กันมาตลอด หากแต่บางครั้งอุบัติเหตุในการทำงานจากมนุษย์เกิดขึ้นเพราะ…

  • ใช้เครื่องมือผิดประเภท
  • เลินเล่อในการทำงาน
  • ไม่สวมหรือไม่ใช้อุปกรณ์ป้องกันร่างกาย
  • ขาดการสื่อสารในการทำงานแบบทีม
  • ขาดการปฏิบัติงานต่างๆอย่างถูกต้อง
  • เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดจริงๆ

ทำงานให้เกิดความปลอดภัย ต้องปฏิบัติดังนี้…

  • วางแผนล่วงหน้าอย่างรัดกุม
  • ศึกษาเรื่องอันตรายซึ่งอาจเกิดขึ้นรวมทั้งหาวิธีป้องกัน
  • ปฏิบัติงานอย่างมีสติตลอดเวลา
  • สวมอุปกรณ์ป้องกันอันตรายทุกครั้ง

การดำเนินงานรักษาความปลอดภัยบนเรือ

การทำงานบนเรือเป็นการทำงานในพื้นที่ปิด เพราะฉะนั้นลูกเรือและพนักงานทุกคน ต้องทราบการปฏิบัติงานถูกต้อง มีการฝึกฝนอย่างเพียงพอ  และต้องทราบถึงความสามารถของอุปกรณ์ต่างๆ บนเรือก่อนจะทำงานจริง

การทำงานในพื้นที่ปิดทึบ

การทำงานในพื้นที่ปิดทึบจัดเป็นการทำงานค่อนข้างอันตราย  อันดับแรกอาจมีปริมาณ OXYGEN ไม่เพียงพอผู้ปฏิบัติงานหายใจไม่ออก , แก๊สอาจระเบิดได้ , แก๊สพิษ เช่น…

  • ห้องปั๊ม
  • ห้องสร้างแรงดันแก๊ส
  • Duct keels
  • ถังบำบัด
  • ห้องแก๊สเฉื่อย
  • ตู้แบตเตอรี่
  • ถังน้ำมัน และอื่นๆอีกมากมาย

พื้นที่ถูกปิดจัดเป็นโซนอันตราย เพราะฉะนั้นการเข้าไปทำงาน จะต้องมีการวางแผนมาเป็นอย่างดี  อีกทั้งดำเนินแนวทางปฏิบัติเพื่อรักษาความปลอดภัยในระดับสูงสุด  และควรปิดประกาศเอาไว้เสมอ นอกจากนี้ในพื้นที่ไม่อำนวยต่อการหายใจจะต้อง มีการระบายอากาศให้เพียงพอตลอดระยะเวลาที่มีคนเข้าไปทำงาน ถ้าเกิดเหตุสุวิสัยจะต้องมีการช่วยชีวิตจากทีมงานที่ดี ซึ่งจะต้องมีการจัดการด้านความปลอดภัย ด้วยนายประจำเรือที่มีความรับผิดชอบตลอดจนบุคคลที่เข้าไปในพื้นที่อับทึบ

ผูกเชือกเรือและทิ้งสมอ

ในขั้นตอนผูกเชือกหรือเทียบท่า มีหลายเหตุการณ์นำไปสู่อุบัติเหตุอันไม่คาดคิด อันยากจะหลีกเลี่ยงได้ เพราะฉะนั้นพนักงานที่ดูแลในส่วนของการเทียบเรือ ออกจากเทียบ จำเป็นที่จะต้องได้รับการฝึกฝนเป็นอย่างดี

ทิ้งสมอ

พนักงานบนเรือซึ่งมีหน้าที่เกี่ยวกับการทิ้งสมอ  จะต้องสวมใส่อุปกรณ์ความปลอดภัยให้ครบชุด  แนะนำว่าควรใส่แว่นตารวมทั้งหน้ากากกันฝุ่น  เพื่อป้องกันเศษสนิมเล็กๆหากแต่อันตรายล้นเหลือ ซึ่งอาจกระเด็นมาโดนได้ ถ้าเข้าดวงตารับรองว่าเป็นเรื่องใหญ่แน่ๆ สมอควรปล่อยภายใต้การควบคุมอย่างใกล้ชิดของนายประจำเรือ อีกทั้งยังต้องใส่เบรกห้ามไว้เสมอ พร้อมติดต่อกับสะพานเดินเรืออย่างต่อเนื่อง บริเวณทิ้งสมอลงไปต้องไม่ลื่น นอกจากนี้หลังจากการใช้งานท่อต่างๆ ก็ต้องหมั่นดูแลพร้อมบำรุงรักษาให้มีความสมบูรณ์อยู่เสมอ

ผูกเชือกเรือ

เป็นอีกส่วนหนึ่งซึ่งต้องมีความระมัดระวังเป็นอย่างสูง ส่วนเก็บและเชือกจะต้องมีการเช็คสภาพพร้อมบำรุงรักษาอยู่ประจำ ในขั้นตอนจัดเก็บจะต้องนำไปไว้บนพื้นระวาง ให้พ้นจากความชื้น ปลอดจากสารเคมีซึ่งอาจกัดกร่อน โดยอาจทำให้เชือกขาดได้ และต้องเก็บเชือกให้พ้นจากแสงแดด  นอกจากนี้พนักงานบนเรือจะต้องสวมถุงมือหนัง เพื่อป้องกันไม่ให้มือได้รับบาดเจ็บ  สำหรับขั้นตอนควรระวังมากที่สุด ก็คือ เมื่อบดเชือกเข้าใน Drum ต้องระวังไม่ให้มือเข้าไปติด อีกทั้งยังต้องมีจำนวนคนเพียงพอในการผูกเชือกเรือซึ่งมีขนาดใหญ่ ต้องมีสติใส่ใจตลอดเวลาในขณะผูกเชือกเรือเพื่อความปลอดภัยของคนทั้งลำ

สำหรับทำงานบนเรือบางประการ มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีผู้ชำนาญงาน ในการปฏิบัติงาน อีกทั้งยังต้องมีประสบการณ์มาอย่างอัดแน่น จึงจะสามารถปฏิบัติภารกิจต่างๆได้อย่างถูกต้อง ลุล่วง ปลอดภัย อันเป็นการทำให้อุบัติเหตุให้เหลือศูนย์หรือให้เกิดน้อยที่สุด โดยผู้ฝึกหัดมือใหม่จะต้องได้รับการฝึกอบรมอย่างใกล้ชิดจากผู้ชำนาญงานจนมีฝีมือขึ้นมา

อาชีพที่ได้รับค่าตอบแทนสูง และ มีความอันตรายในการทำงานสูงเช่นเดียวกัน

อาชีพที่ได้รับค่าตอบแทนสูง และ มีความอันตรายในการทำงานสูงเช่นเดียวกัน

post

สำหรับอาชีพที่เราจะนำมาเสนอกันในวันนี้ ล้วนเป็นอาชีพที่ให้ค่าตอบแทนราคางาม จนหลายๆคนอยากเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของมันบ้าง หากแต่ว่ามันก็นำมาซึ่ง ‘ความอันตราย’ ไม่เพียงบาดเจ็บเท่านั้น แต่อาจร้ายแรงจนถึงขั้นพิการ หรือ ‘เสียชีวิต’ เมื่อรู้อย่างนี้แล้วคุณยังอยากจะทำมันอยู่รึเปล่า

สกัดพิษงู

สัตว์เลือดเย็นเลื้อยคลานตัวยาว ที่พร้อมจะเลื้อยหลบหนีเข้าไปในมุมมืด หรือพร้อมที่หันมาฉกปลดปล่อยพิษร้ายเข้าสู่ร่างกายของคุณได้ทุกเมื่อ คุณต้องทำการสกัดพิษของพวกมันลงในแก้วเพื่อนำไปใช้ในการวิจัยทางการแพทย์หรือผลิตเซรุ่มแก้พิษ ถึงแม้ว่าการสกัดในแต่ล่ะครั้งจะมีมาตรการด้านความปลอดภัย แต่ความอันตรายก็ยังสามารถเกิดขึ้นได้อยู่ดี

เงินเดือนเฉลี่ย/ปี 970,000 บาท

งานส่งพัสดุ

อาจดูเป็นงานง่ายๆ ที่รู้เพียงเส้นทางกับขับขี่รถเป็นก็ทำได้แล้ว หากแต่ว่าในหลายประเทศทั่วโลกมันถูกจัดให้เป็นงานอันตราย เพราะนอกจากจะเสี่ยงจากการเกิดอุบัติเหตุทางท้องถนนแล้ว ยังต้องมารองรับอารมณ์ของผู้รับสินค้าอีกต่าง นอกจากนี้เป็นอาชีพอันดับต้นๆที่เสี่ยงต่อการถูกขโมยของและเป็นเป้าของอาชญากรอันดับต้นๆอีกด้วย

เงินเดือนเฉลี่ย/ปี 880,000 – 1,000,000 บาท

นักขี่วัวพยศ

อาชีพนี้ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงในช่วงปลายยุค 90 แน่นอนว่ารายได้งามจริงๆ แต่ถ้าพลาดแม้แต่ครั้งเดียวแล้วล่ะก็ ผลคือคุณจะต้องทนรับกับอาการบาดเจ็บอย่างรุนแรง ทั้งถูกกระแทกหรือกระดูกหักไปทั่วร่างกาย

เงินเดือนเฉลี่ย/ปี 3.4 ล้านบาท

นักข่าวในสงคราม

นักข่าวในสงคราม เป็นผู้ตีแผ่ความจริงรวมทั้งต้องเสี่ยงอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นอยู่กับตนเองทุกเมื่อ เพราะศัตรูไม่มีการละเว้นปราณีใดๆ โดยนักข่าวอาจถูกลักพาตัว ไปทรมาน เค้นข้อมูล สุดท้ายก็ฆ่าทิ้ง อย่างน่าเศร้า ยิ่งคุณเป็นคนธรรมดาๆแล้วล่ะก็จะเอาทักษะจากไหน ในการเอาตัวรอด

เงินเดือนเฉลี่ย/ปี 1.17 ล้านบาท

งานประจำแท่นขุดเจาะน้ำมัน

โดดเดี่ยวเดียวดายในท้องเล เป็นอาชีพรายได้งาม หากแต่ว่าความเสี่ยงก็สูงเป็นเงาตามตัว บางครั้งคุณต้องทำงานติดต่อกันนาน 2 วันโดยไม่มีเวลาพักผ่อน อีกทั้งยังเสี่ยงต่อการระเบิดอันเนื่องมาจากน้ำมัน ไฟไหม้ลามไปทั่วผืนน้ำ สาเหตุการตายก็มีหลายอย่าง เช่น โดนไฟคลอก , บาดเจ็บจมน้ำตาย , ร่ายกายเข้าไปติดในเครื่องจักร เป็นต้น

เงินเดือนเฉลี่ย/ปี 2.2 – 4.5 ล้านบาท

คนโชว์จระเข้

แน่นอนว่าเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่คนไทยเรารู้จักกันดี อย่างที่เรารู้กันว่าจระเข้เป็นสัตว์ที่ดุร้าย และยังกินเนื้อมนุษย์เป็นอาหารได้อีกด้วย เพราะฉะนั้นการเอาส่วนหนึ่ง ส่วนใดของร่างกาย รวมทั้งศีรษะแหย่เข้าไปในปากของจระเข้ ไม่ใช่เรื่องขำๆแน่ๆ

เงินเดือนเฉลี่ย/ชั่วโมง 261 บาท

อาชีพที่เสี่ยงต่ออันตรายในการทำงาน และ วิธีป้องกันความเสี่ยงที่ได้ผลดี

อาชีพที่เสี่ยงต่ออันตรายในการทำงาน และ วิธีป้องกันความเสี่ยงที่ได้ผลดี

post

‘อาชีพ’ เป็นสิ่งที่มนุษย์ทุกคนต้องกระทำ เพื่อใช้ในการเลี้ยงชีพเพื่อแลกกับค่าตอบแทน หาเงินมาดูแลครอบครัว หรือสร้างอนาคต อาชีพบนโลกใบนี้มีมากมายหลายร้อยอาชีพ โดยแต่ล่ะอาชีพก็มีจุดเด่น – จุดด้อย แตกต่างกันไป วันนี้เราจะมานำเสนอเกี่ยวกับ อาชีพอันเสี่ยงต่ออันตรายในการทำงาน และ วิธีป้องกันความเสี่ยงได้ผลดี กันค่ะ

อันตรายที่พนักงานในโรงงานอุตสาหกรรมอาจจะพบ และวิธีป้องกัน

เกิดจากสารเคมี

กลุ่มประเภทสารละลาย

เมื่อสูดดมไอระเหยหรือดื่มสารละลายเข้าไป ก็จะเกิดอาการทางประสาทจวบจนอันตรายถึงตายได้ เช่น เมทธิลแอลกอฮอล์ซึ่งปกตินำมาใช้จุดไฟ แต่ถ้าไม่ระมัดระวังสูดดมหรือดื่มเข้าไป ก็จะเกิดภาวะเป็นกรดในร่างกาย ส่งผลให้อาการเพ้อ , มองไม่เห็น , หมดสติได้ เพราะฉะนั้นทางกองควบคุมอาหารและยา จึงออกระเบียบให้ผู้ผลิต เติมสีที่ไม่ทำให้รู้สึกเกิดความรับประทาน เช่น สีม่วงหรือสีฟ้า รวมทั้งแต่งกลิ่นให้เหม็น

เกิดจากสถานภาพสิ่งแวดล้อมทางกายภาพ

โดยสภาพแวดล้อมในโรงงานไม่มีความเหมาะสม บุคคลจะทำงานพร้อมความเสี่ยงต่อการเกิดอันตราย เช่น สภาพอากาศที่ร้อนจัด , หนาวจัด , แสงสว่างไม่เพียงพอ , เสียงดังจนเกินไป , ความกดดันของอากาศ รวมทั้งความสั่นสะเทือน เป็นต้น

  • เสียงดัง จนเกินไปก็เป็นปัญหามากเช่นเดียวกัน เช่น คนที่ทำงานทำความสะอาดสนิมหม้อน้ำ , ไอน้ำ , โรงงานทอผ้า เมื่อพบเจอเสียงดังติดต่อกันนานๆ วัดจากเครื่องมือเกิน 80 เดซิเบลส์ อาจทำให้ประสาทหูพิการได้ วิธีป้องกัน คือ คนงานจะต้องมีเครื่องอุดหู เพื่อลดความดังจากงานดังกล่าว
  • ความร้อน อุณหภูมิปกติของร่างกายของมนุษย์จะอยู่ที่ 37 องศาเซลเซียส อันได้มาจากการเผาผลาญสารอาหาร รวมทั้งการทำงานของเซลล์ในร่างกาย แต่ถ้าร่างกายได้รับเพิ่มความร้อนจากสภาพภายนอกมากจนเกินไป เช่น แสงอาทิตย์ , แหล่งไฟต่างๆ เช่น เตาไฟฟ้า , เตาถ่านหิน เป็นต้น ถ้ายิ่งสิ่งแวดล้อมนั้นไม่มีการถ่ายเทอากาศ อากาศแห้งก็จะนำพาความร้อนเข้าสู่ร่างกายมากขึ้นไปอีก ร่างกายก็จะปรับตัวไม่ทัน ส่งผลให้อาการเป็นลม , ไข้สูงตัวร้อน , เป็นตะคริว จากนั้นก็จะตามด้วยอาการอ่อนเพลีย จึงควรพักผ่อนให้ร่างกายเป็นปกติเสียก่อน ไม่ควรกลับเข้าไปทำงานทันที
  • ความเย็น ประเทศไทยเป็นเมืองร้อน เมื่อคนเข้าไปทำงานในห้องเย็นเป็นเวลานานๆ ความเย็นจัดก็จะสามารถทำให้เส้นเลือดฝอยตีบเล็กลง ส่วนใหญ่พบมากบริเวณปลายมือ , ปลายเท้า , จมูก , ใบหู เป็นต้น ถ้าอาการเพียงเล็กน้อย ก็จะมีอาการปรากฏบริเวณใบหู , จมูก , นิ้วมือ , เท้า มีลักษณะแดง , ร้อนตึง และปวด ถ้าถูกความเย็นจัดเป็นเวลานาน เส้นเลือดจะตีบตัน เกิดการตายของอวัยวะบริเวณที่ขาดเลือดไปเลี้ยง
อีกหนึ่งอาชีพที่มีความอันตรายแต่ก็ได้เงินสูงคือ ชาวประมง หรือนักจับปูอลาสก้า

อีกหนึ่งอาชีพที่มีความอันตรายแต่ก็ได้เงินสูงคือ ชาวประมง หรือนักจับปูอลาสก้า

post

ถ้าคณคิดว่าการทำอาชีพเป็นชาวประมงมันแสนสบาย คุณอาจจะต้องกลับไปคิดใหม่ถ้าคุณอยู่ที่อะแลสกา ซึ่งชาวประมงในประเทศนี้ถูกจัดอันดับว่าเป็นอาชีพที่มีความเสี่ยงตายที่สุดในโลก พวกเขาต้องเสี่ยงตายเพื่อให้ได้อาหารทะเลมาเสริฟ์บนจานอาหารของพวกเรา ปกติดแล้วการออกทะเลก็ไม่ใช่เรื่องของคนใจอ่อนอยู่แล้ว ในทุก ๆ ปีชาวประมงนับพันคนทำงานอยู่นอกชายฝั่งทะเล และขอพรจากเทพทั้งหลายให้อยู่รอดปลอดภัยกลับถึงฝั่ง ทำไมพวกเขาถึงยอมเสี่ยงตายเพื่องานนี้ ก็เพราะมันได้ผลตอบแทนที่ดี เมื่อดูจากตัวเลขกว่า 95% ของปลาแซลมอนที่ขายในตลาดสหรัฐถูกส่งมาจากที่อะแลสก้าทั้งสิ้น การทำประมงของที่นี่ถือเป็นฐานเศรษฐกิจหลักของเมืองเลยล่ะ

แต่สิ่งที่อันตรายที่เราพูดถึงมันคืออะไรกัน แน่นอนว่าท้องทะเลมีน้ำ มีลม และมีพายุ บางครั้งชาวประมงก็ต้องพบกับความบ้าคลั่งของทะเล เหมือนกับความวิโรธของเทพโพไซดอน ที่เสกพายุคลื่นลูกใหญ่ถาโถมเข้าสู่เรือชาวประมง ในแต่ละวันพวกเขาจะต้องทำงานกับอวนที่หนักกว่าหลายร้อยปอนด์ ท่ามกลางฝนที่ตกกระหน่ำ ในทุก ๆ 100,000 คน ชาวประมงสูญหายไปในทะเลกว่า 128 คน ตั้งแต่ปี 2007 จากตัวเลขโดยเฉลี่ยจำนวน 26 ครั้ง จึงเป็นเรื่องที่บอกได้เลยว่าความสบายไม่เคยมีอยู่บนเรือนี้ และถือเป็นอาชีพที่มีผู้เสียชีวิตมากเป็น 1 ใน 3 ของปี

ในแต่อาชีพชาวประมงก็ยังมีกลุ่มที่ถือว่าเสี่ยงตายมากกว่าเพื่อนอีกด้วย โดยเฉพาะนักจับปูอะแลสกา พวกเขาออกไปตามหาขุมสมบัติมีชีวิตที่จะนำมาขายให้ตามโรงแรม หรือร้านอาหารต่าง ๆ แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะกลับมาได้ และอาจจะกลับมามือเปล่าด้วยเช่นกัน ฤดูกาลสำหรับออกหาปูอะแลสกานั้นมีเพียงไม่กี่วัน เริ่มตั้งแต่ช่วงเดือนฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว เรือหาปูกว่า 200 ลำจะออกไปนอกอ่าวอะแลสกา หรือ ทะเลแบริ่ง เพื่อแข่งกันหาปูให้ได้มากที่สุด อุปกรณ์หลักในการจับปูคือกรงเหล็กหนัก 800 ปอนด์ ที่จะถูกโยนลงไปในตำแหน่งที่ปูอยู่กันมากที่สุด ภายในกรงมีเยื่อล่อแขวนอยู่ เมื่อปูขึ้นมากินเยื่อมันก็จะตกลงไปในกรงและไม่สามารถหนีไปไหนได้

ความอันตรายที่แท้จริงในทะเลแบรริ่งก็คือพายุฤดูหนาวที่ บวกกับความเร่งรีบในการจับปูที่จะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุตามมา หากลูกเรือบาดเจ็บก็เท่ากับโอกาสรอดหายไปแล้วครึ่งหนึ่ง เพราะไม่มีใครที่จะพาพวกเขาฝ่าพายุไปส่งโรงพยาบาลได้แน่ ๆ ทำให้งานนี้ต้องเตรียมตัวกันมาพร้อม และต้องเตรียมใจกันมาด้วย งานที่ยิ่งอันตรายมาพร้อมกับค่าตอบแทนมหาศาล ทำให้อาชีพนี้ยังเป็นที่น่าสนใจสำหรับชายหนุ่มอยู่เสมอมาไม่ว่ามันจะอันตรายแค่ไหนก็ตาม

ส่องอาชีพที่มีความเสี่ยงอันตรายในการทำงานสูง

ส่องอาชีพที่มีความเสี่ยงอันตรายในการทำงานสูง

post

สำหรับคนทำงานในออฟฟิศ ความเสี่ยงในการบาดเจ็บสูงสุดก็คงไม่มีอะไรหนักหนาไปกว่ากระดาษบาดนิ้ว มันอาจจะไม่ถึงตายแต่ก็อาจรู้สู้สึกเหมือนโดนมีดบาด ในขณะเดียวกันในอาชีพอื่น ๆ ยังมีความเสี่ยงอันตรายที่อาจถึงชีวิตในระหว่างการทำงาน วันนี้เราจะพามาดูอาชีพเสี่ยงตายที่มีค่าตอบแทนสูง แต่ละอาชีพไม่เหมาะกับคนใจเสาะอย่างแน่นอน เพราะคนงานที่ประกอบอาชีพเหล่านี้จะต้องเอาชีวิตไปแขวนอยู่บนเส้นด้าย วันหนึ่งพวกเขาอาจบาดเจ็บ หรืออาจร้ายแรงจนถึงชีวิต และนี่คืออันดับอาชีพที่สุดอันตราย

1.คนงานตัดไม้

คนงานตัดบาดเจ็บหนัก 135.9 ต่อคนงาน 100,000 คน โดยอุบัติเหตุส่วนใหญ่เกิดจากคนงานโดนต้นไม้ทับ หรือติดอยู่กับต้นไม้ ทำให้ค่าตอบแทนของพวกเขาอยู่ที่ 37,590 เหรียญ (1.2 ล้านบาท)

2.ชาวประมง

เหมือนจะเป็นอาชีพหลัก ๆ ของชาวไทยเรา แต่สำหรับต่างประเทศแล้วพวกเขามีรายได้ตอบแทนเยอะกว่าบ้านเรามาก ๆ แต่ด้วยเหตุที่ว่าท้องทะเลมีความอันตรายจากพายุฝน และลมพายุ ทำให้ต้องเสี่ยงตายกันทุกวัน จนทำให้จำนวนชาวประมงทุก ๆ 100,000 คนจะมีผู้บาดเจ็บกว่า 86 คน ในแต่ละปีชาวประมงจะได้ค่าตอบแทนเป็นจำนวนเงิน 27,110 เหรีญ (894,630 บาท)

3.นักบินและวิศวกรการบิน

อาชีพเสี่ยงตายที่สุดบนอากาศ นักบินจะต้องขับเครื่องบินโดยรับผิดชอบผู้โดยสารกว่าหลายร้อยชีวิตให้ถึงที่หมายอย่างปลอดภัย แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาบาดเจ็บมากที่สุดไม่ใช่เครื่องบินตก แต่เป็นผลพวงจากการทำงานหนัก ทำให้จำนวนนักบินและวิศวกรในทุก ๆ 100,000 คน จะมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 55.5 คนในแต่ละปี โดยมีค่าตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ 105,720 เหรียญ (3.4 ล้านบาน)

4.คนงานโรงเหล็ก

อุตสหกรรมเหล็กต้องทำงานอยู่กับเตาหลอม และวัตถุดิบที่มีความน้ำหนักสูง จึงไม่แปลกที่พวกเขาอาจถูกพวกมันทับได้ระหว่างการทำงาน ในทุก 100,000 คน จะมีผู้บาดเจ็บหนัก 25.1 คน และบาดเจ็บทั่วไปอีก 1,440 คน มีค่าตอบแทนโดยเฉลี่ยต่อปีอยู่ที่ 51,800 เหรียญ (1.7 ล้านบ้าน)

5.คนขับรถบรรทุก และพนักงานขาย

ท้องถนนเป็นสิ่งที่ผู้คนต้องมีสมาธิอยู่ตลอดเวลา เพราะมันพร้อมที่จะเกิดอุบัติเหตุได้ทุกเมื่อ ไม่เขาชนเรา เราก็ชนเขา จึงทำให้อาชีพนี้มีความเสี่ยงสูงเพราะต้องขับรถอยู่บนถนนเกือบตลอดวันทำงาน โดยจำนวนพนักงาน 100,000 คนจะมีผู้ที่บาดเจ็บหนัก 24.7 คน และบาดเจ็บทั่วไปอีก 30,180 คน ค่าตอบแทนอยู่ที่ 36,670 เหรียญ (1.2 ล้านบาท)

6.ช่างไฟฟ้า

การทำงานของพวกเขาจะต้องข้องเกี่ยวกับกระแสไฟฟ้าเป็นหลัก แน่นอนว่าแค่ไฟบ้านก็อันตรายถึงตายแล้ว แต่สำหรับพวกเขาที่ต้องทำงานกับไฟที่อาจมากถึงหลายแสนโวลต์ จึงเป็นอาชีพที่มีความเสี่ยงไม่น้อยทำให้ค่าตอบแทนต่อปีอยู่ที่ 52,720 (1.7 ล้านบาท)

มาดูระบบ safety รักษาความปลอดภัยของนักดับเพลิงกับอาชีพที่มีความเสี่ยงสูง

มาดูระบบ safety รักษาความปลอดภัยของนักดับเพลิงกับอาชีพที่มีความเสี่ยงสูง

post

นักผจญเพลิงเป็นอาชีพที่มีความเสี่ยงสูงที่สุด เมื่อที่ใดมีเพลิงไหม้ จะต้องมีนกผจญเพลิงเข้าไปจัดการในสถานที่เกิดเหตุ แต่เพราะว่าเหตุร้ายอาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อไม่ว่าจะเป็นตอนเช้า หรือกลางคืน พวกเขาจึงทำงานกันตลอดทั้งวันและทั้งคืน เพื่อแสตนบายรอรับเหตุการณ์ต่าง ๆ แต่หลายคนเคยสงสัยไหมว่าชุดของพวกเขาทำไมถึงพิเศษนัก มันกันไฟได้อย่างไร และมีขีดจำกัดมากสุดเท่าไหร่ วันนี้เราจะมาเจาะลึกรายละเอียดของชุดนักผจญเพลิงกันว่ามันมีอะไรอยู่บ้าง ทำหน้าที่อะไรและมีราคาเท่าไหร่

1.หมวกกันไฟ

หมวกเป็นอุปกรณ์สำคัญสุด มีหน้าที่ปกป้องผู้สวมใส่จากควันและไฟ ออกแบบมาให้มีน้ำหนักเบา ซึมซับแรงกระแทกได้ดี บางครั้งสีหมวกอาจแบ่งไปตามลำดับยศของผู้สวม แต่ส่วนใหญ่จะมีสีส้ม และสีเหลือ ตามหลักของสากลแล้วหมวกจะต้องเปลี่ยนใหม่ทุก ๆ 5 ปี เพราะฉนวนที่อยู่ภายในหมดอายุและไม่อาจป้องกันไฟได้อีก ราคาหมวดแต่ละใบอยู่ที่ 10,000 บาท

2.ฮูดกันไฟ

หมวกคลุมกันไฟที่จะช่วยเสริมการป้องกันไฟอีกชั้นก่อนสวมหมวกลงไป เพื่อปกป้องส่วนลำคอที่ไฟอาจทำอันตรายได้ ทำจากวัสดุกันไฟคุณภาพสูง ราคา 2,000 บาท

3.ชุดคลุมกันไฟ

ชุดของนักดับเพลิงทำจากวัสดุสังเคราะห์ที่สามารถทนต่ออุณภูมิไฟได้สูง และยังคงคุณสมบัติกันไฟได้ต่อไปหลังจากที่สัมผัสไฟมาแล้ว ชุดมีการติดแถบเรืองแสงเพื่อให้สังเกตุได้ง่ายระหว่างการทำงานร่วมกัน  มีความทนทานต่อความร้อนสูงโดยไม่ต้องสวมใส่จะไม่รู้สึกว่าชุดของพวกเขาหนักเกินไป ราคาต่อชุดอยู่ที่ 42,900 บาท

4.รองเท้าบู๊ตกันไฟ

รองเท้าผจญเพลิงถูกออกแบบมาเพื่อให้ผู้สวมใส่ได้รับความปลอดภัยและความสะดวกสบายสูงสุด ทำจากวุสดุยางซึ่งช่วยลดน้ำหนักรองเท้าบู๊ต แถมยังคงประสิทธิภาพในการป้องกันไฟสูง เสริมการปกป้องในส่วนข้อเท้า ช่วยลดอาการบาดเจ็บระหว่างการหน้าที่

5.ถุงมือกันไฟ

นักดับเพลิงมีถุงมือที่หลากหลายชนิด เพื่อป้องกันอันตรายจากไฟในสถานการณ์ที่แตกต่างกัน อย่างเช่นถุงมือผ่าตัดเพื่อใช้ปกป้องร่างกายจากอันตรายทางชีวภาพ, ถุงมือป้องกันสารเคมี และถุงมือกันความร้อนทั่วไป ไม่มีถุงมือตัวคู่เดียวที่สามารถจะให้การป้องกันอย่างเพียงพอสำหรับอันตรายทั้งหมดที่พวกเขาอาจต้องเผชิญ  ถุงมือแต่ละคู่มีราคาอยู่ที่ประมาณ 3,500 บาท

6.เครื่องช่วยหายใจ

อุปกรณ์สำคัญที่นักผจญเพลิงจะขาดไปไม่ได้ เมื่อต้องทำหน้าที่ในสถานที่ ๆ เต็มไปด้วยควันร้อน ขาดออกซิเจน เต็มไปด้วยสารพิษ เครื่องช่วยหายใจจะเป็นแหล่งอากาศที่สะอาดที่เพียงพอในการปฎิบัติหน้าที่ได้ต่อไปได้เพียงพอ โดยมีราคาอยู่ที่ 200,000 บาท